เว็บไซต์ www.sso.go.th เป็นระบบออนไลน์อย่างเป็นทางการของสำนักงานประกันสังคมที่ให้บริการส่งเงินสมทบผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักที่ทั้งนายจ้างและผู้ประกันตนสามารถใช้ในการส่งเงินสมทบได้โดยไม่ต้องเดินทางไปสำนักงาน ทำให้สะดวก ประหยัดเวลา และลดความผิดพลาดในการส่งเงิน โดยเฉพาะผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 ที่ต้องส่งเองทุกเดือนก็สามารถใช้ระบบนี้เพื่อจัดการเรื่องเงินสมทบได้ครบจบในที่เดียว พร้อมมีระบบตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พิมพ์ใบเสร็จ และยืนยันสถานะการส่งเงินอย่างแม่นยำทันทีแบบเรียลไทม์
การส่งเงินสมทบคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
การส่งเงินสมทบคือการที่ผู้ประกันตนหรือนายจ้างชำระเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นประจำทุกเดือนเพื่อรักษาสิทธิในการได้รับสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต และเงินบำนาญชราภาพ การส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าขาดส่ง อาจทำให้สิทธิบางอย่างถูกระงับหรือไม่ได้รับสิทธิตามที่ควรจะได้รับ การส่งผ่าน www.sso.go.th จึงช่วยให้ทุกคนรักษาสิทธิของตนเองได้อย่างมั่นคงและไม่สะดุด
ใครที่ต้องส่งเงินสมทบบ้าง?
กลุ่มคนที่ต้องส่งเงินสมทบมีหลายประเภท ได้แก่ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งคือนายจ้างและลูกจ้างบริษัทเอกชนทั่วไป โดยนายจ้างจะเป็นผู้ส่งเงินให้ลูกจ้าง ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 คือผู้ที่เคยเป็นลูกจ้างแต่ลาออกแล้วยังต้องการรักษาสิทธิไว้ จึงต้องส่งเงินสมทบเองทุกเดือน และผู้ประกันตนมาตรา 40 ซึ่งคือผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้าแม่ค้า ฟรีแลนซ์ ก็สามารถสมัครและส่งเงินสมทบเองได้ตามแผนที่เลือกไว้ โดยแต่ละมาตราจะมีอัตราและสิทธิประโยชน์ต่างกัน
ประโยชน์ที่ได้จากการส่งเงินสมทบ
เมื่อส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์หลายด้าน เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลคู่สัญญา ค่าทดแทนรายได้ช่วงเจ็บป่วยหรือคลอดบุตร เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต และเงินบำเหน็จบำนาญตอนเกษียณอายุ ซึ่งสิทธิทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่องและถูกต้องตามระยะเวลา ยิ่งส่งครบระยะเวลาและจำนวนตามเกณฑ์ ยิ่งได้สิทธิมากขึ้นในอนาคต ถือเป็นหลักประกันระยะยาวที่ช่วยดูแลชีวิตในหลายช่วงวัย ส่งรถมอเตอร์ไซค์ ไปรษณีย์ ราคา 2566
ช่องทางการส่งเงินสมทบผ่าน www.sso.go.th
การส่งเงินสมทบผ่าน www.sso.go.th สามารถทำได้ง่ายมาก เพียงเข้าเว็บไซต์ ลงชื่อเข้าใช้ระบบ และกรอกข้อมูลตามขั้นตอน จากนั้นเลือกช่องทางชำระเงิน เช่น โมบายแบงก์กิ้ง อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เคาน์เตอร์ธนาคาร หรือร้านสะดวกซื้อที่ร่วมรายการ เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิสหรือ 7-Eleven แล้วระบบจะบันทึกข้อมูลให้อัตโนมัติ โดยสามารถพิมพ์ใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานได้ และยังตรวจสอบย้อนหลังได้ตลอดเวลาว่าชำระครบหรือไม่ ถือว่าเป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย และทันสมัยสำหรับผู้ประกันตนในยุคดิจิทัล
